ขุนพันธ์ 3

ขุนพันธ์ 3

ขุนพันธ์ 3

ขุนพันธ์ 3 ออกตัวไว้ก่อนเลยว่า นี่จะเป็นการรีวิวภาพยนตร์ ขุนพันธ์ 3 จากผู้ที่ไม่เคยสัมผัสจักรวาลขุนพันธ์มาก่อนแม้แต่ภาคเดียว ดังนั้นความรู้สึกและความอินในเรื่องราวจะเกิดขึ้นจากภาพยนตร์ภาคที่ 3 นี้เท่านั้น ขุนพันธ์ 3 เริ่มต้นเล่าเรื่องราวกับการตั้งคำถามในตัวตนของขุนพันธ์ เราได้เห็นความตึงเครียดเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มเรื่อง ที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผลส่งต่อมาจากภาคที่แล้ว จนขุนพันธ์ตัดสินใจที่จะวางมือการจากการเป็นมือปราบจอมขมังเวทย์ ไปใช้ชีวิตสงบสุขในบ้านเกิด แต่แล้วก็ตามพล็อตหนังฮีโร่วัยเกษียณทั่วไป เมื่อหน้าที่เรียกหา พวกเขาก็ย่อมต้องกลับเข้าสู่สังเวียนอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายของขุนพันธ์ก็คือ เสือมเหศวร และเสือดำ การไล่ล่าที่ต้องพาชายผู้ที่ในตอนนี้ความคงกระพันธ์ของเขาเริ่มเสื่อมคลาย ไปยังดินแดนชุมโจร เพื่อสะสางความอยุติธรรมเป็นครั้งสุดท้าย

การดำเนินเรื่องของขุนพันธ์ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉับไว ทุกไดอะล็อก และการเล่าเรื่องมาแบบเนื้อ ๆ ไม่มีการเสียเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น ช่วงต้นเรื่องเกิดขึ้นอย่างดุเดือด แนะนำให้เรารู้จักตัวละครทุกตัวละคร มองเห็นความขัดแย้งภายในของตัวละครอย่างผิวเผิน ขุนพันธ์ 3 ก่อนจะลงลึกในช่วงกลางเรื่องอย่างเข้มข้น เราได้เห็นปมที่เป็นตัวขับดันของแต่ละตัวละครอย่างชัดเจน ในพาร์ทนี้อาจจะดำเนินเรื่องผ่อนแรงลงไปบ้าง แต่ก็ทำให้เรามองเห็นเสน่ห์ของทุกตัวละครได้แจ่มแจ้งมากกว่าเดิม

ก่อนที่หนังจะโหมโรงเข้าสู่ช่วงท้ายที่ดุเดือดจนปลุกทุกอะดรีนาลีนในร่างกายให้เดือดพล่าน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ท้ายเรื่องที่เป็น Final Fight คือความมันส์แบบหาตัวจับได้ยากในภาพยนตร์ไทยยุคนี้ กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า นี่คือภาพยนตร์ฮีโร่ไทยที่มันส์ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมือนกับได้เห็นการต่อสู้ของทีม Avengers ในเวอร์ชั่นของขุนพันธ์อย่างไรอย่างนั้นรีวิว] ขุนพันธ์ 3 - แม้บทมั่วแหลกแต่แอ็กชันจัดเต็ม - #beartai

การแสดงของ อนันดา เอเวอริ่งแฮม ในบทขุนพันธ์ ทำให้เราเห็นจริง ๆ ว่าเขารู้จักและเข้าใจตัวละครนี้เป็นอย่างดี สมกับที่อยู่กับตัวละครนี้มายาวนาน ทุกอารมณ์ความรู้สึกของขุนพันธ์เราสามารถรับรู้ได้อย่างครบถ้วน เขาเป็นฮีโร่ที่ไม่ได้มีแค่ด้านขาว หรือด้านดำ แต่เป็นตัวละครสีเทาที่มี โกรธเกรี้ยว อ่อนแอ และหวาดกลัว เมื่อเสริมบทบาทในการที่จะต้องเป็นพ่อเข้าไป นั่นทำให้ตัวละครนี้มีความเป็นมนุษย์อย่างที่สุด

ถัดมาเป็น เสือมเหศวร ที่รับบทโดย มาริโอ เมาเร่อ

ขอบอกว่าเขาโปรยเสน่ห์อย่างล้นเหลือในบทบาทนี้ ลีลาท่าทางและสายตา มีความแพรวพราว ถือเป็นสีสันที่จัดจ้านของเรื่องราวแสนตึงเครียด สุดท้ายเป็น โตโน่ ภาคิน ในบท เสือดำ ที่เขาสวมวิญญาณความดำมืดที่แสนเจ็บปวดของตัวละครนี้มาทุกอณู แม้บางจังหวะจะเกือบล้นไปบ้าง แต่บางจังหวะการแสดงของเขาก็กระแทกใจของเราเข้าอย่างจัง แต่ที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือ เอม ภูมิภัทร ในบท ผู้กองทัตเทพ เขาคนนี้ฉายแสงได้น่าจับตามองทีเดียว

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ฉากแอ็คชั่น ที่ตัวหนังใส่มาตลอดทั้งเรื่อง และมันทำได้ถึงเส้นทุกฉากเลยด้วย ราวกับผู้กำกับเข้ามานั่งในใจผู้ชมจนสามารถรู้ได้เลยว่า รสชาติฉากแอ็คชั่นที่คนไทยชอบเป็นอย่างไร หลายอย่างฉากแอ็คชั่นถูกใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยเช่นกัน แต่อย่างที่บอกว่าฉากแอ็คชั่นในช่วงท้ายเรื่องคือสิ่งที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่หนังไทยเคยทำมา และพวกเขาไม่ทำให้คนดูอย่างเราผิดหวังเลยแม้แต่น้อย

งานโปรดักชั่น เห็นได้ชัดว่าทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก มีอะไรใส่เข้ามาไม่ยั้ง มู้ดและโทนของเรื่องราวเองก็มีเสน่ห์และเป็นตัวของตัวเอง บทภาพยนตร์บางช่วงมีแปร่ง ๆ ไปบ้าง แต่ก็สามารถไปด้วยกันได้กับเรื่องราว และแม้ว่าจะมีบางฉากที่ให้ความรู้สึกติดขัด แต่ก็สามารถยอมรับได้

ประเด็นเนื้อเรื่องที่ใช้เป็นแก่นหลักของเรื่องราวก็คือ การตั้งคำถามกับการใช้อำนาจจากกฎหมาย ตัวหนังไม่ขลาดกลัวเลยที่จะนำเสนอสารที่ต้องการจะสื่ออย่างตรงไปตรงมา เรียกได้ว่าเป็น ภาพยนตร์กระแสหลักของไทยที่กล้าและบ้าบิ่นไม่น้อย และแม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะถูกเซ็ตติ้งอยู่ในยุคอดีต ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2493 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถสะท้อนภาพในสังคมปัจจุบันได้ราวกับเป็นกระจกใสบานยักษ์ ถือเป็นจุดที่น่านับถือไม่น้อย

ขุนพันธ์ 3 คือภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยที่แสดงให้เราเห็นว่า พวกเขาทุ่มเท ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม สร้างเหตุและผลของเรื่องราว สร้างโลกของเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกเชื่อ จนถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลขุนพันธ์อย่างง่ายดาย และเมื่อเรากลายเป็นส่วนหนึ่งแล้ว ความบันเทิงมันจึงเกิดขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอ นี่คือหนังไทยที่ไม่ดูถูกคนดู ควรค่าแก่การรับชมในโรงภาพยนตร์ (ถ้ามีฉายในระบบ IMAX จะดีมาก 555)

หนังแอ็คชั่นไทยที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของมือปราบเสือร้ายอย่าง ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ บุตร พันธรักษ์ ตำรวจมือดีที่มีคาถาอาคมที่ปราบโจรมาแล้วมากมาย ที่กำลังเดินทางมาถึงจุดจบของไตรภาคในภาคที่ 3 ที่เป็นภาคที่จะปิดตำนานมือปราบเสือร้าย โดยในภาคนี้ตัวเขาต้องมาปะทะกับ 2 เสือแห่งภาคกลางอย่าง “เสือมเหศวร ” และ “เสือดำ” ตัวหนังเป็นผลงานของผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่กำกับมาแล้วทั้ง 2 ภาค ครับ

โดยในภาคนี้สำหรับ ก็ยังได้นักแสดงนำคนเดิมมารับบทนำอย่าง อนันดา เอเวอริ่งแฮม รับบทเป็น ขุนพันธ์ และนักแสดงใหม่อย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ ที่รับบทเป็น เสือมเหศวร และ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ รับบทเป็น เสือดำ ครับ

หนังจะเล่าถึง ในปีพ.ศ.2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้องจึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายกอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิมและท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้ นำไปสู่การหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และพร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย

ขุนพันธ์ 3 เป็นหนังไทยที่เรียกความศรัทธาของวงการหนังไทยให้กลับมาอย่างแท้จริงครับ เพราะทันทีที่หนังจบนั้นเหล่าคนดูได้ลุกปรบมือกันเลยละครับ บอกเลยว่าในขุนพันธ์ภาคนี้นั้นจัดเต็มกว่าภาคก่อนๆเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะความแอ็คชั่นของหนัง คาถาอาคม หรือแม้กระทั่งเนื้อหาที่เข้มข้นมากๆ ที่พูดถึงการเมืองเลยล่ะครับ ที่มีความจัดเต็มมากๆ ชอบในความที่ตัวหนังนั้นมีสเกลที่กว้างขึ้นไม่ใช่แค่ ขุนพันธ์ ปราบโจรแค่นั้นครับ ตัวหนังยังพูดถึงการคอรัปชั่นของบ้านเมืองในสมัยนั้นอีกด้วย เป็นอะไรที่ค่อนข้างว้าวเลยล่ะครับสำหรับหนังในภาคนี้ อีกอย่างที่ชอบคือฝั่งของโปรดักชั่นของหนังครับ สามารถนรมิตรฉากต่างๆให้ออกมาได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็น ซุ้มโจร หรือ จระเข้, ซากศพ, และ คาถาอาคมต่างๆ ให้ออกมาได้อย่างดีเลยครับ เป็นอะไรที่ดูเพลินมากๆ

โดยตัวแอดจะขอแบ่งหนังออกเป็น 3 องค์ใหญ่ๆด้วยกันนะครับรีวิว ขุนพันธ์ 3: อเวนเจอร์ สาขาไทยแลนด์ – KWANMANIE

โดยองค์แรกของหนังนั้นจะเป็นการปูเรื่องที่ดูโคตรเพลินแต่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสุดเข้มข้นไปพร้อมกับการเปิดตัว “เสือดำ” ที่รับบทโดย โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่บอกเลยว่า โคตรเท่และแสดงดีมากเลยครับ โหดเหี้ยมสมเป็นเสือร้ายของภาคกลางจริงๆ

ส่วนในองค์ที่ 2 นั้นตัวหนังจะยิ่งเข้มข้นไปอีกครับเป็นช่วงที่ปล่อยของ ของหนังเรื่องนี้จริงๆครับ เพราะมีทั้ง CGI ของจระเข้ และ ภูติผี ครับ รวมไปถึงฉากสุดระทึกผสมๆไปกับฉากแอ็คชั่น ดวลอาคมกัน ที่บอกเลยว่ามันส์สะใจคนดูแน่นอน ในองค์นี้ตัวหนังจะพาเราไปรู้จักกับ “เสือมเหศวร” ที่รับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ ที่เปิดตัวด้วยฉากการปล้นธนาคารสุดเฟี้ยว

ส่วนในองค์สุดท้ายนั้นบอกเลยว่าสุดจัดๆเลยครับ ในองค์นี้ตัวหนังเหมือนปล่อยหมัดฮุกใส่คนดูกันเลยทีเดียวครับ ตัวหนังได้หยิบรวมเอาทั้งหมดของหนังมายำรวมกัน ให้ออกมาเป็นสูตรสำเร็จที่มีทั้งฉากแอ็คชั่นสุดคลั่งของการดวลอาคม รวมไปถึง CGI ที่จัดเต็มและ ฉากสุดเซอร์ไพรส์ที่ทำคนดูว้าวอีกด้วยครับ แต่เหมือนหนังจะจัดเต็มไปหน่อยที่แบบว่าอยากใส่ไรใส่มาให้หมดในองค์นี้เลยครับ บอกเลยว่าแฟนหนังขุนพันธ์ได้ฟินกันแน่นอนสำหรับองค์นี้ และอีกอย่างที่ดีของหนังเรื่องนี้ก็คือไม่ว่าคุณจะไม่เคยดูภาคแรกหรือภาคสองนั้นก็สามารถดูรู้เรื่องได้ครับในภาคนี้แถมดูสนุกกว่าทุกภาคของหนังอีกด้วยครับสำหรับและ *สุดท้ายมีฉากเอ็นเครดิตด้วยนะเออ

ส่วนตัวคิดว่าถึงความยาวของหนังจะดูเกือบ 3 ชั่วโมง แต่การเดินเรื่องของหนังนั้นทำออกมได้ดีมากๆครับ ทำให้เรารู้สึกว่าในเกือบ 3 ชั่วโมงเนี้ยรู้สึกเอ็นจอยกับตัวหนังมากๆ อาจจะมีช่วงเอื่อยๆบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้เสียอารมณ์กันแน่นอนครับ และอีกอย่างที่จะบอกคือด้านเสียงของหนังครับคือเล่นใหญ่จัดใหญ่มากครับ ตูมตามสุดๆ ประทับใจสุดๆ กับหนังเรื่องนี้

หนังปิดไตรภาคของมือปราบเสือร้าย ที่โคตรสุด หนังจัดเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดมัน พร้อมกับปลุกกระแสอาคมที่โคตรคลั่ง มาพร้อมกับเนื้อหาสุดเข้มข้น และตื่นตาตื่นใจไปกับฉากสุดเซอร์ไพรส์ที่คนดูต้องร้องว้าว ถึงตัวหนังจะยาวเกือบ 3 ชั่วโมงแต่กับดูเพลินมากๆ บอกเลยว่าหนังเรื่องนี้คือหนังที่จะเรียกศรัทธาให้วงการหนังไทยให้กลับมาอย่างแท้จริง คะแนน 9.5/10

graceonthemoon