เครียด! เสี่ยงอัมพาต เบาหวาน เส้นเลือดสมองแตก
หมอประชา เตือน ความเครียดเสี่ยงอัมพาต เบาหวาน เส้นเลือดสมองแตก เผย 80% ของคนไข้อัมพาตที่มาหาเกิดจากความเครียด! วันๆ เจอเป็นพันเรื่อง จะไม่ให้เครียดคงไม่ได้ แต่ต้องรู้วิธีกำจัดความเครียด! เพราะความเครียดนำมาซึ่งสารพัดโรค เพื่อบอกเล่าถึงอันตรายของความเครียด! “นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์” หรือเจ้าของเพจหมอประชาผ่าตัดสมอง หมอผ่าตัดสมอง ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม โพสต์คลิปอธิบายถึงอันตรายของความเครียดและวิธีกำจัดความเครียดไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างน่าสนใจ
หมอประชา บอกว่า ลองสังเกตดูว่าทำไมเส้นเลือดสมองแตกเพราะเครียด
เพราะความเครียด! ทำให้เป็นอัมพาตได้ง่าย ทำให้ความดันโลหิตสูงง่ายและควบคุมยากกว่าคนไม่เครียด ความดันที่สูงขึ้นทำให้ผนังหลอดเลือดมีการอักเสบ ตีบ และแข็งกระด้าง ความดันที่พุ่งสูงเมื่อเส้นเลือดทนไม่ไหวก็แตกจึงนำมาสู่การเป็นอัมพาตจากสมองขาดเลือด นอกจากนี้ ความเครียด! ยังทำให้คุมน้ำตาลได้ยาก มีผลต่ออินซูลินและการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ความเครียดทำให้คุมไขมันได้ไม่ดี เมื่อผนังหลอดเลือดอักเสบไม่แข็งแรงก็แตกตัวได้ง่าย หมอประชา บอกอีกว่า คนที่เครียดแล้วหาทางออกด้วยการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อดื่มทุกวันก็ติดเหล้าแทน เครียดเลยกินไม่หยุดเมื่อน้ำตาลในเลือดสูงก็ทำให้อารมณ์ดี
โรคเบาหวาน มีอาการอย่างไร
ที่พบได้บ่อยที่สุด คือชนิดที่ 2 สาเหตุของโรคชนิดนี้เกิดจากกรรมพันธุ์และการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารประเภทแป้ง ของหวานมากเกินไป ภาวะน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง การขยับร่างกายที่น้อยลง ไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น
ชนิดนี้ มักเกิดในกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม โรคชนิดที่ 2 พบว่าเกิดในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ เช่น อายุ 20 – 30 ปี ซึ่งสัมพัทธ์กับการรับประทานอาหารที่เป็นแป้ง ของหวาน หรือการออกกำลังกายที่ลดลง และ โรคอ้วน ผู้ป่วยชนิดที่ 2 ที่อายุยังน้อย มีโอกาสจะควบคุมอาการโรคได้ยากกว่า เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่ายกว่า และมักจะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในช่วงอายุที่น้อยกว่า
ดังนั้น การควบคุมเบาหวานให้อยู่ในระดับที่ปกติ
จึงมีความสำคัญอย่างมากรวมถึงการค้นหาโรคเบาหวานในกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันและการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที จะส่งผลให้ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคระยะยาวได้ GRACEONTHEMOON
ภาวะแทรกซ้อนของโรค
เมื่อมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติเป็นระยะเวลานาน น้ำตาลที่สูงจะส่งผลโดยตรงต่อหลอดเลือดทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยทำให้เกิดภาวะอักเสบ และภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ง่ายกว่าคนปกติ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยในภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ทำให้น้ำตาลส่วนเกินไปเกาะกับเม็ดเลือดขาวที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆได้ลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย